วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

ที่มายูคาลิปตัส

ต่อ

ผลิตภัณฑ์สเปรย์หอมปรับอากาศ
“ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล”
ส่วนผสม
1. เมนทอล 100 กรัม
2. การบูร 60 กรัม
3. พิมเสน 40 กรัม
4. เอทิลแอลกอฮอล์ 600 กรัม
5. ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล 4 ออนซ์
วิธีทำ
1. นำพิมเสนกับแอลกอฮอล์ผสมกันแล้วคนให้พิมเสนละลาย
2. เมื่อพิมเสนละลายดีแล้วนำการบูรลงผสม แล้วคนให้การบูรละลาย เสร็จนำเมนทอลลงผสมแล้วคนให้เมนทอลละลาย
3. นำยูคาลิปตัสเอสเซนเชียลลงผสมแล้วคนให้เข้ากัน เสร็จบรรจุภาชนะ
* ภาชนะที่บรรจุ ควรจะเป็นแก้วมีหัวฉีดสเปรย์
คุณสมบัติหรือสรรพคุณของยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล
1. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อเริ่มรู้สึกจะเป็นหวัด
2. ช่วยลดอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ภูมิแพ้ หอบ หืด
3. สามารถช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดไปและให้ความสดชื่นเข้ามาแทนที่
วิธีใช้
ใช้ได้ทั้งในอาคารบ้านเรือนและในรถยนต์ ฉีดให้ทั่วๆ บริเวณที่ต้องการ ให้อากาศบริสุทธิ์จะทำให้หอมสดชื่น
แหล่งซื้อสารเคมี
1. บริษัท วันรัต (หน่ำเซียน) จำกัด จำหน่ายปลีกเคมีภัณฑ์ ที่อยู่ 19 ซอยสุขุมวิท 70 ถนนสุขุมวิท แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 744-8257-60
2. บริษัท วันรัต (หน่ำเซียน) จำกัด จำหน่ายปลีกเคมีภัณฑ์ สาขาจักรวรรดิ ที่อยู่ 233-5 แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 224-9961-3
3. บริษัท ฮงฮวด จำกัด ที่อยู่ 41-45 ถนนจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 225-0127 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 225-0127      end_of_the_skype_highlighting
4. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาหนองแขม) ที่อยู่ 185-186 หมู่บ้านพรทวีวัฒน์ หมู่ 12 ถนนเพชรเกษม 73/2 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 421-9536-7, (02) 421-9519-20
5. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขารังสิต) ที่อยู่ 300/103-104 หมู่ 13 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โทรศัพท์ (02) 536-4661-4
6. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาจตุจักร) ชั้น 2 ที่อยู่ S 39 อาคาร JJ MALL ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 265-9578 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 265-9578      end_of_the_skype_highlighting
7. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาสินสาธร) ที่อยู่ 77/82, 77/86 อาคารสินสาธรทาวเวอร์ ชั้น 21 ถนนกรุงธนบุรี แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 440-0770 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 440-0770      end_of_the_skype_highlighting, (02) 440-0525-32 เว็บไซต์ www.honghuat.com
8. Lab Valley limited partnership ร้านขายสารเคมี ที่อยู่ 1111/32 โครงการเดอะฮาบิแทท ศรีวรา ถนนศรีวรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 559-3509 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 559-3509      end_of_the_skype_highlighting, (02) 559-3807-8 โทรสาร (02) 559-2663 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 559-2663      end_of_the_skype_highlighting อี-เมล : labvalley@yahoo.com เว็บไซต์ www.labvalley.com
9. บริษัท วันสวัสดิ์เคมีคัล จำกัด ที่อยู่ 129/28 หมู่ 4 ซอยเพชรเกษม 99 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โทรศัพท์ (02) 811-5825-7
10. หจก.มาเจสติค โปรดักส์ จำหน่าย-ขาย เคมีภัณฑ์ สารเคมี เคมี ที่อยู่ 33/19 หมู่ 13 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 833-1682 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 833-1682      end_of_the_skype_highlighting, (081) 563-4014 begin_of_the_skype_highlighting              (081) 563-4014      end_of_the_skype_highlighting
11. บริษัทอาซาฮี เคมีภัณฑ์ จำกัด ที่อยู่ 218-220 ถนนจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-9737 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 221-9737      end_of_the_skype_highlighting, (02) 223-9314 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 223-9314      end_of_the_skype_highlighting
12. ร้านโอ้วไทฮง ขายบรรจุภัณฑ์ อยู่แถวสะพานขาว กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 281-0054 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 281-0054      end_of_the_skype_highlighting, (02) 627-0788 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 627-0788      end_of_the_skype_highlighting
13. คุณชนินทร์ธร ขายเคมีภัณฑ์ โทรศัพท์ (089) 074-0217 begin_of_the_skype_highlighting              (089) 074-0217      end_of_the_skype_highlighting
14. เว็บไซต์ www.deeproduct.com ขายเคมีภัณฑ์

การทำสเปรย์ปรับอากาศ

กรณีคิดจะทำขาย เท่าที่เคยแนะนำลูกศิษย์ มี 2 รูปแบบ คือ ขายปลีก และขายส่ง หากเป็นขายปลีก ควรจะพิถีพิถันเรื่องบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการทำฉลากบอก วันเดือนปีที่ผลิต สถานที่ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ให้ชัดเจน ส่วนราคาขายกำหนดให้สอดคล้องกับค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าสถานที่จำหน่าย โดยทั่วไปตามท้องตลาด มักบวกกำไรเพิ่มอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์”
วิธีขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และบรรดากลิ่นเหม็นอับ ที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วที่สุดคือ ซื้อสเปรย์ปรับอากาศที่วางขายตามท้องตลาดมาฉีด เพราะนอกจากช่วยปรับอากาศให้บริสุทธิ์ สดชื่น บางสูตร มีน้ำมันยูคาลิปตัส ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดเป็นก๊าซโอโซน ส่งผลให้ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ อีกทั้งการสูดดมกลิ่นของยูคาลิปตัส จะช่วยบรรเทาอาการหวัด ฉะนั้น ทั้งชายและหญิง ต่างยินดียอมจ่ายเงินซื้อ
คอลัมน์ ก้าวแรกเศรษฐี ฉบับนี้มีข้อมูล ขั้นตอนลงมือทำ และแนะนำแหล่งจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ ของ “ผลิตภัณฑ์สเปรย์หอมปรับอากาศ ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล” มาฝาก โดยผู้ที่มาให้รายละเอียดคือ อาจารย์ลดารัตน์ พงศ์พินิจกุล หรือ อาจารย์น้อย ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาชีพ ภายใต้กลุ่มงานส่งเสริมอาชีพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กองส่งเสริมอาชีพ สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร หากใครสนใจลองทำไว้ใช้เอง หรือทำขายก็เป็นอีกหนทางที่ช่วยสร้างรายได้

โอกาสขายมีมาก
แจงต้นทุนละเอียด
ก่อน อื่นต้องบอกว่าสูตร “สเปรย์หอมปรับอากาศ ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล” ที่นำมาเผยแพร่ มั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตราย เพราะส่วนผสมทุกอย่างมีคุณภาพ ซ้ำผ่านการสอนลูกศิษย์มาแล้วหลายรุ่น
เริ่มต้น อาจารย์น้อย บอกส่วนผสมผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า ประกอบไปด้วย “เมนทอล” หรือเกล็ดสะระแหน่ ลักษณะเป็นผลึก หรือเกล็ดสีขาว “การบูร” เป็นผงสีขาวใส เงาๆ “พิมเสน” ลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ สีขาวขุ่น “เอทิลแอลกอฮอล์” เป็นน้ำใส มีกลิ่นฉุน และ “ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล” หรือน้ำมันหอมระเหย โดยทั่วไปตามท้องตลาด จะมีจำหน่าย 2 รูปแบบ คือ แบบสังเคราะห์ และแบบธรรมชาติ ให้เลือกซื้อที่ทำจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย
สำหรับปริมาณส่วนผสมที่ใช้ใน สูตร อาจารย์น้อย ระบุว่า เมนทอลจะใส่ 100 กรัม การบูรใส่ 60 กรัม พิมเสน 40 กรัม เอทิลแอลกอฮอล์ 600 กรัม ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล 4 ออนซ์ ส่วนผสมทั้งหมดหาซื้อได้ตามร้านขายเคมีภัณฑ์ อายุการใช้งานของแต่ละส่วนผสมนาน 3 ปี แต่หากผลิตเป็นสเปรย์หอมปรับอากาศ จะเก็บใช้งานได้เพียง 1 ปี
อัตราส่วนผสมที่ระบุไป เมื่อผ่านกรรมวิธีการทำแล้ว จะได้สเปรย์หอมปรับอากาศ ประมาณ 900 กรัม แบ่งบรรจุขวดแก้ว ขนาด 85 กรัม ได้ 11 ขวด ส่วนราคาขึ้นอยู่กับปริมาณที่ซื้อแต่ละครั้ง เช่น เมนทอล ราคากิโลกรัมละ 700 บาท การบูร เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200 บาท พิมเสน กิโลกรัมละ 500 บาท เอทิลแอลกอฮอล์ กิโลกรัมละ 100 บาท และยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล ออนซ์ละ 37 บาท ซึ่งคำนวณคร่าวๆ เฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ ไม่รวมค่าการตลาด เช่น ฉลากยี่ห้อ งบโฆษณา สถานที่วางขาย 1 ขวด ขนาด 85 กรัม จะประมาณ 75 บาท
มีสูตรมาให้ลองทำ
คนไทยใช้แล้ว ชอบบอกต่อ
สำหรับ ภาชนะบรรจุ แนะนำเป็นขวดแก้ว เพราะนอกจากจะช่วยเก็บรักษาประสิทธิภาพทางยา เช่น กลิ่น สี สรรพคุณ ได้อย่างครบถ้วน ยังเป็นการเพิ่มมูลค่า แต่ข้อเสียคือ น้ำหนักมากพกพาไม่สะดวก แต่กรณีคิดจะทำขาย เท่าที่เคยแนะนำลูกศิษย์ มี 2 รูปแบบ คือ ขายปลีก และขายส่ง หากเป็นขายปลีก ควรจะพิถีพิถันเรื่องบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการทำฉลากบอก วันเดือนปีที่ผลิต สถานที่ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ให้ชัดเจน ส่วนราคาขายกำหนดให้สอดคล้องกับค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าสถานที่จำหน่าย โดยทั่วไปตามท้องตลาด มักบวกกำไรเพิ่มอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์
ถามถึงข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่ามีสิ่งใดบ้าง ได้ความว่า ส่วนผสม “เอทิลแอลกอฮอล์” ก่อนใช้ควรเขย่าขวด และเปิดฝา ทิ้งไว้นาน 2-3 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อให้สเปรย์ปรับอากาศไม่มีกลิ่นฉุน
ทว่า เนื่องจากตามท้องตลาด มีผลิตภัณฑ์สเปรย์หอมปรับอากาศ วางจำหน่ายกันมาก เท่ากับว่าการแข่งขันสูง ฐานะผู้ขายหน้าใหม่ จะใช้กลยุทธ์ใดเรียกลูกค้า อาจารย์น้อย แสดงความคิดเห็นว่า ปัจจุบันรูปแบบการขายมีมากมาย ทั้งขายส่ง ขายปลีก ขายตรง ฝากขาย ซึ่งมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป อยากให้ผู้ประกอบการเลือกใช้วิธีที่ถนัด ทว่าเบื้องต้นไม่แนะนำให้ขายราคาถูกมาก หรือสูงมากเกินไป เพราะจะดูไม่น่าเชื่อถือ ซ้ำบางคนมีค่านิยมซื้อสินค้ามียี่ห้อ ฉะนั้น ถ้าอยากได้ลูกค้า ให้พิถีพิถัน เลือกบรรจุภัณฑ์สวยงาม ราคาที่สมเหตุสมผล และคุณภาพดี เชื่อว่าลักษณะนิสัยของคนไทยมักจะบอกต่อๆ กันเอง
ข้อมูล ที่ระบุมาข้างต้น คงพอใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้บ้าง แต่ก่อนไป อาจารย์น้อย ทิ้งท้ายไว้ ด้วยสูตร และขั้นตอนการทำ หากใครสงสัย หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่ออาจารย์น้อย ได้ที่ โทรศัพท์ (089) 018-1960 begin_of_the_skype_highlighting              (089) 018-1960      end_of_the_skype_highlighting, (089) 091-9039 begin_of_the_skype_highlighting              (089) 091-9039      end_of_the_skype_highlighting
ผลิตภัณฑ์สเปรย์หอมปรับอากาศ
“ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล”
ส่วนผสม
1. เมนทอล 100 กรัม
2. การบูร 60 กรัม
3. พิมเสน 40 กรัม
4. เอทิลแอลกอฮอล์ 600 กรัม
5. ยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล 4 ออนซ์
วิธีทำ
1. นำพิมเสนกับแอลกอฮอล์ผสมกันแล้วคนให้พิมเสนละลาย
2. เมื่อพิมเสนละลายดีแล้วนำการบูรลงผสม แล้วคนให้การบูรละลาย เสร็จนำเมนทอลลงผสมแล้วคนให้เมนทอลละลาย
3. นำยูคาลิปตัสเอสเซนเชียลลงผสมแล้วคนให้เข้ากัน เสร็จบรรจุภาชนะ
* ภาชนะที่บรรจุ ควรจะเป็นแก้วมีหัวฉีดสเปรย์
คุณสมบัติหรือสรรพคุณของยูคาลิปตัสเอสเซนเชียล
1. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อเริ่มรู้สึกจะเป็นหวัด
2. ช่วยลดอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ภูมิแพ้ หอบ หืด
3. สามารถช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดไปและให้ความสดชื่นเข้ามาแทนที่
วิธีใช้
ใช้ได้ทั้งในอาคารบ้านเรือนและในรถยนต์ ฉีดให้ทั่วๆ บริเวณที่ต้องการ ให้อากาศบริสุทธิ์จะทำให้หอมสดชื่น
แหล่งซื้อสารเคมี
1. บริษัท วันรัต (หน่ำเซียน) จำกัด จำหน่ายปลีกเคมีภัณฑ์ ที่อยู่ 19 ซอยสุขุมวิท 70 ถนนสุขุมวิท แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 744-8257-60
2. บริษัท วันรัต (หน่ำเซียน) จำกัด จำหน่ายปลีกเคมีภัณฑ์ สาขาจักรวรรดิ ที่อยู่ 233-5 แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 224-9961-3
3. บริษัท ฮงฮวด จำกัด ที่อยู่ 41-45 ถนนจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 225-0127 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 225-0127      end_of_the_skype_highlighting
4. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาหนองแขม) ที่อยู่ 185-186 หมู่บ้านพรทวีวัฒน์ หมู่ 12 ถนนเพชรเกษม 73/2 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 421-9536-7, (02) 421-9519-20
5. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขารังสิต) ที่อยู่ 300/103-104 หมู่ 13 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โทรศัพท์ (02) 536-4661-4
6. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาจตุจักร) ชั้น 2 ที่อยู่ S 39 อาคาร JJ MALL ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 265-9578 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 265-9578      end_of_the_skype_highlighting
7. บริษัท ฮงฮวด จำกัด (สาขาสินสาธร) ที่อยู่ 77/82, 77/86 อาคารสินสาธรทาวเวอร์ ชั้น 21 ถนนกรุงธนบุรี แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 440-0770 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 440-0770      end_of_the_skype_highlighting, (02) 440-0525-32 เว็บไซต์ www.honghuat.com
8. Lab Valley limited partnership ร้านขายสารเคมี ที่อยู่ 1111/32 โครงการเดอะฮาบิแทท ศรีวรา ถนนศรีวรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 559-3509 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 559-3509      end_of_the_skype_highlighting, (02) 559-3807-8 โทรสาร (02) 559-2663 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 559-2663      end_of_the_skype_highlighting อี-เมล : labvalley@yahoo.com เว็บไซต์ www.labvalley.com
9. บริษัท วันสวัสดิ์เคมีคัล จำกัด ที่อยู่ 129/28 หมู่ 4 ซอยเพชรเกษม 99 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โทรศัพท์ (02) 811-5825-7
10. หจก.มาเจสติค โปรดักส์ จำหน่าย-ขาย เคมีภัณฑ์ สารเคมี เคมี ที่อยู่ 33/19 หมู่ 13 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 833-1682 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 833-1682      end_of_the_skype_highlighting, (081) 563-4014 begin_of_the_skype_highlighting              (081) 563-4014      end_of_the_skype_highlighting
11. บริษัทอาซาฮี เคมีภัณฑ์ จำกัด ที่อยู่ 218-220 ถนนจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-9737 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 221-9737      end_of_the_skype_highlighting, (02) 223-9314 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 223-9314      end_of_the_skype_highlighting
12. ร้านโอ้วไทฮง ขายบรรจุภัณฑ์ อยู่แถวสะพานขาว กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 281-0054 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 281-0054      end_of_the_skype_highlighting, (02) 627-0788 begin_of_the_skype_highlighting              (02) 627-0788      end_of_the_skype_highlighting
13. คุณชนินทร์ธร ขายเคมีภัณฑ์ โทรศัพท์ (089) 074-0217 begin_of_the_skype_highlighting              (089) 074-0217      end_of_the_skype_highlighting
14. เว็บไซต์ www.deeproduct.com ขายเคมีภัณฑ์

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

โทษมหัน

ทีนี้มาศึกษาทัณฑ์ทรมานจากกามารมณ์กันดูอีกสักข้อหนึ่ง ในกามารมณ์หรือเมถุนธรรม เป็นสนตะพายสายหนึ่ง ที่จูงดึงผู้คนไปเสพรับทัณฑ์ทรมานจากการครองรัก ครองเรือน และโดยลำพังเมถุนธรรม ก็สามารถบันดาลโทษภัยแก่ผู้ครองรัก ครองเรือน หรือแม้ผู้เห็นความร้ายกาจในรัก ในเรือนแล้วได้เช่นกัน หากผู้นั้นมีใจให้เมถุนธรรม คำว่าเมถุนธรรมไม่ใช่เพียงสงครามดวลสะโพกของคู่กามเท่านั้น หากหมายถึงทั้งหมดของบทบาทการบำบัดกามจริต แต่ตรงนี้ขออนุญาตคลี่คลายเพียงสังเขป เชิญเสพรสชาติการหยั่งรู้ ดูความลุ่มลึกให้แจ้งชัดโดยตน
                      พระบรมครูผู้รู้แจ้ง ทรงแสดงปรีชาวาทะไว้ว่า บุคคลผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งๆขึ้น จากครั้งแรก เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ เป็นInfinity จากคนนั้น สู่คนโน้น สู่คนนี้ หาขอบเขตความอิ่มเต็มมิได้ ไม่หายหิว เหมือนสุนัขขบกลืนแท่งกระดูกติดคราบมัน จะอิ่มท้องก็หาไม่ ฉะนั้น... อุปมานี้เป็นสำนวนมีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กามารมณ์…เหมือนหมาแทะกระดูก…ไม่อิ่ม เหมือนบริโภคน้ำลายของตัวเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า กามารมณ์ เป็นเรื่องสนองอุปาทานของตัวเอง ถ้าจิตตัวเองไม่แปรปรวน ป่วนปั่น หรือไม่ปรุงไป ต่อให้ถูกไล้ถูกเลื้อยขนาดไหน ก็ไม่ได้เสวยสวรรค์ ดีไม่ดีจะถีบกระเด็นด้วยซ้ำ...รำคาญ ไปซะไกลๆ แต่ถ้าจิตของเราปรุงไปโลดโผนโจนทะยาน แม้อยู่คนเดียวก็เสวยสวรรค์ได้ ฉะนั้นที่รู้สึกอิ่มเต็ม ไม่ใช่เพราะใครมาเติม..ไม่ใช่ แต่เขาเป็นผัสสะหนึ่งซึ่งทำให้เราปรุงปั้นอุปาทานให้โลดโผนโจนทะยานยิ่งขึ้น ทั้งเป็นเรื่องเสียเวลางาน เสียเวลาพักผ่อนหลับนอน ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม กำลังกายถดถอย กำลังปัญญาก็ทุรพล ที่เคยเปรื่องโปร่งแจ่มใส กลับแปรปรวนเป็นอื่นไป โดยเฉพาะช่วงไคลแม๊กซ์ที่ซ่านวาบซาบหวิวแห่งกามารมณ์ ภาวะนั้นสันดาปลึกสุด อันตรายที่สุด เคยมีคนตายในขณะนั้นก็มีมาแล้ว เพราะทั้งแผดเผาทั้งเกร็งเคี่ยวเสียวเสียดถึงขั้วหัวใจ ประสาทรับรสสะท้านไหว ซึ่งหากสุขภาพและการโคจรของเลือดลมไม่เข้มแข็งดีพอ ก็หัวใจวายตายปัจจุบันได้ แม้สุขภาพและการโคจรของเลือดลมดีอยู่ กระนั้นสันตติของธาตุรู้ก็ขาดสะบั้นลง(ความสืบต่อของธาตุรู้) การกำหนดจดจำเสื่อมชำรุด ขาดความแม่นยำ หากต้องเป็นเช่นนี้มากไป จะกลับกลายเป็นคนบ้าได้ง่าย(บ้ากามนั้นแน่อยู่แล้ว) ทั้งเป็นธรรมดาของผู้ข้องติดในเกมส์ดวลกันดังกล่าวนั้น ใจมักผ่าวคำนึงถึงอ้อมขา อยากจะหาแต่คู่ต่อสู้มารู้คำรู้แดงกันอยู่ร่ำไป เยี่ยงนี้ปัญญาไม่ทุรพลกระไรได้ นี่เป็นโทษภัยของกามหรือไม่
ถ้าเราไตร่ตรองถึงความสืบต่อทางจิตวิญญาณจะเห็นได้ว่า มันเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น คนที่ยินดีในกาม หมกมุ่นมัวเมาจนกระทั่งลืมตัวลืมตาย โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ยาก เพราะธรรมดาความอยาก ไม่ต้องการการรอคอย เมื่อเสียชีวิตจากภพนี้แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไปเกิดเป็นเดรัจฉานเล็กๆน้อยๆ เกิดมาเพื่อเสพกาม เสพแล้วก็ตาย เสพแล้วก็ตาย โดยจริงถ้าใครหลงใหลในเรื่องของกามารมณ์มากๆ จะเกิดเป็นอะไรมากที่สุด…พอจะรู้ไหม จากตรรกะบอกว่า คนที่หมกมุ่นในเมถุนธรรมจะเกิดเป็นอสุจิ ได้ชิดใกล้เมถุนธรรม แบบอยู่ในที่นั้นเลย เราพึงพอใจในเรื่องนั้นมาก แล้วเราก็ได้มีสิทธิ์ชิดใกล้ ลึกซึ้งในสิ่งนั้นมาก เหมือนคนรักกัน เราอยากจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว จริงไหม? ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงให้เขากับเรารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว

โทษมหัน

ทีนี้มาศึกษาทัณฑ์ทรมานจากกามารมณ์กันดูอีกสักข้อหนึ่ง ในกามารมณ์หรือเมถุนธรรม เป็นสนตะพายสายหนึ่ง ที่จูงดึงผู้คนไปเสพรับทัณฑ์ทรมานจากการครองรัก ครองเรือน และโดยลำพังเมถุนธรรม ก็สามารถบันดาลโทษภัยแก่ผู้ครองรัก ครองเรือน หรือแม้ผู้เห็นความร้ายกาจในรัก ในเรือนแล้วได้เช่นกัน หากผู้นั้นมีใจให้เมถุนธรรม คำว่าเมถุนธรรมไม่ใช่เพียงสงครามดวลสะโพกของคู่กามเท่านั้น หากหมายถึงทั้งหมดของบทบาทการบำบัดกามจริต แต่ตรงนี้ขออนุญาตคลี่คลายเพียงสังเขป เชิญเสพรสชาติการหยั่งรู้ ดูความลุ่มลึกให้แจ้งชัดโดยตน
                      พระบรมครูผู้รู้แจ้ง ทรงแสดงปรีชาวาทะไว้ว่า บุคคลผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งๆขึ้น จากครั้งแรก เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ เป็นInfinity จากคนนั้น สู่คนโน้น สู่คนนี้ หาขอบเขตความอิ่มเต็มมิได้ ไม่หายหิว เหมือนสุนัขขบกลืนแท่งกระดูกติดคราบมัน จะอิ่มท้องก็หาไม่ ฉะนั้น... อุปมานี้เป็นสำนวนมีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กามารมณ์…เหมือนหมาแทะกระดูก…ไม่อิ่ม เหมือนบริโภคน้ำลายของตัวเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า กามารมณ์ เป็นเรื่องสนองอุปาทานของตัวเอง ถ้าจิตตัวเองไม่แปรปรวน ป่วนปั่น หรือไม่ปรุงไป ต่อให้ถูกไล้ถูกเลื้อยขนาดไหน ก็ไม่ได้เสวยสวรรค์ ดีไม่ดีจะถีบกระเด็นด้วยซ้ำ...รำคาญ ไปซะไกลๆ แต่ถ้าจิตของเราปรุงไปโลดโผนโจนทะยาน แม้อยู่คนเดียวก็เสวยสวรรค์ได้ ฉะนั้นที่รู้สึกอิ่มเต็ม ไม่ใช่เพราะใครมาเติม..ไม่ใช่ แต่เขาเป็นผัสสะหนึ่งซึ่งทำให้เราปรุงปั้นอุปาทานให้โลดโผนโจนทะยานยิ่งขึ้น ทั้งเป็นเรื่องเสียเวลางาน เสียเวลาพักผ่อนหลับนอน ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม กำลังกายถดถอย กำลังปัญญาก็ทุรพล ที่เคยเปรื่องโปร่งแจ่มใส กลับแปรปรวนเป็นอื่นไป โดยเฉพาะช่วงไคลแม๊กซ์ที่ซ่านวาบซาบหวิวแห่งกามารมณ์ ภาวะนั้นสันดาปลึกสุด อันตรายที่สุด เคยมีคนตายในขณะนั้นก็มีมาแล้ว เพราะทั้งแผดเผาทั้งเกร็งเคี่ยวเสียวเสียดถึงขั้วหัวใจ ประสาทรับรสสะท้านไหว ซึ่งหากสุขภาพและการโคจรของเลือดลมไม่เข้มแข็งดีพอ ก็หัวใจวายตายปัจจุบันได้ แม้สุขภาพและการโคจรของเลือดลมดีอยู่ กระนั้นสันตติของธาตุรู้ก็ขาดสะบั้นลง(ความสืบต่อของธาตุรู้) การกำหนดจดจำเสื่อมชำรุด ขาดความแม่นยำ หากต้องเป็นเช่นนี้มากไป จะกลับกลายเป็นคนบ้าได้ง่าย(บ้ากามนั้นแน่อยู่แล้ว) ทั้งเป็นธรรมดาของผู้ข้องติดในเกมส์ดวลกันดังกล่าวนั้น ใจมักผ่าวคำนึงถึงอ้อมขา อยากจะหาแต่คู่ต่อสู้มารู้คำรู้แดงกันอยู่ร่ำไป เยี่ยงนี้ปัญญาไม่ทุรพลกระไรได้ นี่เป็นโทษภัยของกามหรือไม่

ศิลพระ227

http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=51

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธผสมน้ำหอม

สำนักที่ 2 worldchemical
HOW TO MAKE YOUR OWN PERFUME วิธีการผสมน้ำหอมที่มีคุณภาพ

 


 

HOW TO MAKE YOUR OWN PERFUME วิธีการผสมน้ำหอมที่มีคุณภาพ

 การผสมน้ำหอมนั้นทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งก็เหมือนการผสมเครื่องดื่มทานนะครับ ซึ่งท่านสามารถจะ
 เจือจางหรือผสมให้เข้มข้นได้แล้วแต่ใจชอบนะครับ

 ซึ่งเราจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ให้พร้อมก่อนนะครับ

 1. หัวเชื้อน้ำหอม ส่วนมากจะลักษณะเป็นน้ำมันนะครับ ข้นนิดๆซึ่งต้องแน่ใจว่าเป็นหัวเชื้อ เพราะบางทีได้ทำการเจือจางหัวเชื้อแล้ว ซึ่งจะทำให้กลิ่นอ่อนและลักษณะคล้ายน้ำไม่ข้นเท่าไรนะครับ หัวเชื้อน้ำหอมเวลาเราเอามาขยี้กับนิ้วจะรู้สึกมันและอุ่นๆนะครับ ถ้าเอาขยี้แล้วเย็นก็หมายถึงถูกผสมมาเรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับฮงฮวดเองจะมีขายแต่หัวเชื้อดังนั้น ท่านเลยแน่ใจได้ว่าจะได้หัวเชื้อน้ำหอมคุณภาพไปใช้นะครับ

 2. แอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันเรามีตัว Denatured Alcohol ซึ่งมีคุณสมบัติในการระเหยได้ดีกว่าตัว 958 เพราะ
 มี Alcohol ถึง 99% ในขณะที่ 958 มีแค่ 95% ดังนั้นเมื่อมีแอลกอฮอล์มากขึ้นทำให้การระเหยของกลิ่นดีขึ้นนะครับ

 3. MUSK 10% หรือ 165 ซึ่งเป็นตัวเร่งกลิ่นและทำให้กลิ่นติดทนนานมากขึ้น ซึ่งจะมีสองแบบ ก็คือแบหัวเชื้อกับแบบเจือจางนะครับ MUSK 165 จะเป็นหัวเชื้อส่วน MUSK 10% จะเป็นแบบเจือจางนะครับ

 4. Propylene Glycol ซึ่งเป็นตัวที่สามารถทำละลายในน้ำและน้ำมันได้ ตัว PG จะช่วยในการดับกลิ่นน้ำหอมได้ดียิ่งขึ้นและแถมมีตัวที่ทำให้ผิวชุ่มชื่นอยู่ ในตัว PG จริงๆแล้วตัววัตถุดิบในเครื่องสำอางค์

 5.น้ำกลั่น จะช่วยในการดับกลิ่นแอลกอฮอล์ 
 วิธีการผสม 
 - นำ Denatured Alcohol มาผสมกับ Musk ก่อนนะครับ โดยนำ alcohol 1 ปอนด์ผสม Musk 1 ออนซ์และ เขย่าให้เข้ากันพักทิ้งไว้นะครับ

 - นำหัวน้ำหอมมาผสมกับ alcohol ที่ผสมพักไว้ โดยใช้อัตราส่วนดังนี้ หัวเชื้อน้ำหอม 1 ออนซ์ ต่อ alcohol 3 ออนซ์ (ถ้าจะให้เจือจางมากยิ่งขึ้นก็ให้ใส่ alcohol เพิ่มมากขึ้น)

 - ผสมและเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นให้เติม Propylene Glycol ไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ห้ามเติม PG มากเกินไปเพราะ ไม่งั้นตัว PG อาจจะแยกตัวจากน้ำหอมได้นะครับ

 - เติมน้ำเข้าไปอีก 7 cc. แล้วเขย่าให้เข้ากัน

 - เมื่อผสมเสร็จก็พักน้ำหอมทิ้งไว้สักพักก่อนนำมาใช้ 
 TIP ในการผสมน้ำหอม

 - เมื่อผสมเสร็จควรจะแช่น้ำหอมไว้ในตู้เย็นเพื่อที่จะเร่งการกระจายและการเข้ากันของน้ำหอมได้ดี และ เร็วยิ่งขึ้น

 - ควรแน่ใจว่าน้ำหอมที่นำมาผสมเป็นหัวน้ำหอมจริงๆไม่มีการเจือจาง โดยการใช้วิธีขยี้น้ำหอมกับนิ้วพิสูจน์ โดยถ้าขยี้แล้วมันหรืออุ่นก็สันนิฐานว่าเป็นหัวเชื้อไว้ก่อน แต่ถ้าขยี้แล้วเย็นไม่มันก็แปลว่าเป็นหัวน้ำหอม เจือจางนะครับ

 - หัวน้ำหอมส่วนมากจะเป็น OS หรือ Oil Sulable ซึ่งหมายความว่าละลายในน้ำมันได้ดี ซึ่งสามารถนำมา ผสมเข้ากับเครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินผิวอื่นๆเช่น แขมพู, ครีมทาผิว, สบู่เหลว, และอื่นๆ

 - ถ้าผสมเสร็จแล้วน้ำหอมที่ได้เกิดสีเข้มไป ซึ่งก็เป็นไปได้สำหรับหัวเชื้อบางชนิด ก็มีวิธีแก้ไขโดยการใส่ TALCUM POWDER ซึ่งรอให้แป้งตกตระกอนแล้วเอากระดาษกรองมากรองเอาน้ำหอมที่เหลือ ซึ่งน้ำอมที่ได้ก็จะมีสีที่จางลง

 - ถ้าน้ำหอมที่ผสมออกมาขุ่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าผสมน้ำมากเกินไป ก็ให้ทำการใส่ alcohol เพิ่มก็จะทำให้ใส่ เหมือนเดิม 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำนักที่
หัวน้ำหอมแท้ๆ พิสูจน์ได้
ด้วยการนำมาจับๆ ทาๆ ดูมันจะร้อนค่ะ
แต่ถ้าผสมแล้วกับแอลกอฮอล์จะเย็นๆ ค่ะ


สุตรการผสมน้ำหอม ไม่มีตายตัวค่ะ
ลูกค้าสามารถปรับสูตรได้เอง

ซึ่งทั่วไปในท้องตลาดจะมี 2 สูตร

1. สุตรทั่วไป
ทนนาน 4-5 ชั่วโมง

2. สุตรเข้ม
 ทนนาน 8 ชั่วโมง


อุปกรณ์และส่วนผสม

1. อัลกอฮอล์ ผสมมัสต์แล้วจะประหยัดและสะดวกกว่า
2. หัวน้ำหอม
3. ขวดแก้ว สำหรับใส่น้ำหอมที่ผสมแล้ว
4. สลิงค์พลาสติก



ขึ้นอยุ่กับผู้ผสมอยากให้น้ำหอมที่ผสมแล้ว ทนนานหรือทนไม่นานค่ะ

เช่น บางร้าน ถ้าทนไม่นาน ตามข้อ 1 ก็ใส่หัวน้ำหอมแค่ 12%
ถ้าเอาทน ตามข้อ 2  ก็ใส่แค่ 15 %
- น้ำหอมจะหอมดี หอมนาน หอมทน อยู่ที่ส่วนผสมด้วยค่ะ ถ้าหัวน้ำหอมมีคุณภาพ
แต่แอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมไม่มีคุณภาพ น้ำหอมก็คุณภาพไม่ดี

เหตุใดน้ำหอมมีสีเหลือง

เหตุผลก็คือ สีเหลือง เป็นสีตามธรรมชาติ ของน้ำมันหอมระเหย (essential oils) เมื่อผ่านกรรมวิธีการผลิต อันที่จริง หัวน้ำหอมอันเป็นที่รวมของน้ำมันหอมนับสิบ นับร้อย หรือนับพัน ในบางกรณีซึ่งถูกทำให้เจือจางด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อผลิตเป็นโคโลญ หรือน้ำหอม ก็อาจมีสีที่ผิดแผกกัน ออกไปบ้าง แต่เนื่องด้วย น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่มีสีเหลืองอำพัน เมื่อเจือจางแล้ว ก็ยังคงโทนสีเหลืองไว้
ถ้าส่วนผสมตามธรรมชาติ ให้สีที่ดูแล้วไม่สวย นักปรุงน้ำหอมก็สามารถแต่งแต้มสีใหม่ได้ ตราบเท่าที่สีนั้น ได้รับอนุญาตจากทางราชการและต้องแจ้งไว้ในฉลากปิดขวดด้วยว่า เป็นส่วนผสมผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำหอมอธิบายว่า เนื่องจากการเปลี่ยนส่วนผสมของน้ำหอมจากสีเข้มให้อ่อนลง รวมทั้งการเปลี่ยนสีหนึ่ง ไปเป็นอีกสีหนึ่งเลยนั้นทำได้ยาก ดังนั้นสีของน้ำหอมขั้นสุดท้าย จึงมักไม่ต่างไปจากสีตามธรรมชาติของส่วนผสมมากนัก
แน่นอนน้ำหอมทุกชนิดไม่ได้มีสีเหลือง น้ำหอมสีอื่นบางชนิดถูกบรรจุลงในขวดแก้วขุ่นเพื่อพรางสีที่แท้จริง แต่ก็มีน้ำหอม "สีดีไซเนอร์" สะดุดตา ผลิตออกมาจำหน่าย โดยใช้สีที่แปลกออกไปนั้นเป็นเครื่องมือทางการตลาด ในเรื่องนี้ นักปรุงน้ำหอมมีชื่อผู้หนึ่งให้ความเห็นว่า น้ำหอมสีเหลือง "ธรรมชาติ"จะดึงดูดลูกค้าระดับบนได้มากกว่า น้ำหอมสี "ประหลาด"ซึ่งนิยมกันเฉพาะในหมู่ลูกค้าวัยรุ่นเท่านั้

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธสกัดน้ำมันหอม

http://www.youtube.com/watch?v=8RKlEisN3qs&tracker=False

การทำน้ำหอม(ต่อ)

http://www.youtube.com/watch?v=A3hdhpDkPws&tracker=False
http://www.youtube.com/watch?v=tTAiNQJuagA&tracker=False
http://www.youtube.com/watch?v=E0j915sDZJc&tracker=False

วิธีทำน้ำหอม

http://www.youtube.com/watch?v=aBcMwnXKGgQ&tracker=False

http://www.youtube.com/watch?v=vCXOnBFZiCk&tracker=False

http://www.youtube.com/watch?v=4LkR40SBDyU&tracker=False

ต่อ

http://www.youtube.com/watch?v=hQWTRPYcFDQ&tracker=False

น้ำหอมแห้ง

http://www.youtube.com/watch?v=daAPS-_8GMg&tracker=False

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

หอมชื่นใจ

+*+หอมชื่นใจ+*+
เช้าวันก่อน ที่โต๊ะทำงาน มี"กระปุก" อะไรสักอย่าง ว่างอยู่
Halfmoon หยิบขึ้นเพ่งพิจารณา..อะไรหว่า? ใครเอามาวางไว้ก็ไม่รู้...
เอ..หรือจะเอามาให้ เพราะมีพลาสติกหุ้มมิดชิด...จะแกะออกดูก็ไม่กล้า
  อ่านฉลากสิ...พลิกกระปุกดู หมุนจนรอบ...
เฮ้อออ จะอ่านออกมั้ยเนี่ย!! ภาษาอะไรก็ไม่รู้ เหมือนภาษามอญ
เนี่ยค่ะ..รูปร่างเค้าล่ะ อะไรก็ไม่ทราบ..
ตัดสินใจหยิบกระปุกเดินลิ่วไปถาม "ผู้รู้" ละแวกนั้น ถามคนโน้นที คนนี้ที ไม่นานก็ได้ความว่า..
เจ้ากระปุกนี้ มันคือ "ยาดม" ค่ะ ท่านผู้อ่าน
(โอ้ พระเจ้า..ยาดมอะไรเนี่ย ใหญ่โตมโหรทึก)
มันไม่ใช่ยาดมธรรมดานะเคอะ..ทว่ามันคือ
"ยาดมพม่า"
หรืออีกนัยนึง มันคือ OTOP พม่า เพื่อนบ้านเรานั่นเอง
เห็นมั้ยคะ เป็นสินค้าของเค้าจริง ๆ มีวันเดือนปีในการใช้งานระบุข้างกระปุกอย่างเรียบร้อย
เสียตรงที่อ่านสรรพคุณและส่วนผสมไม่ออก..ซ้ำ ดูจาก ลักษณะภายนอกแล้วน่าหวาดระแวงมิใช่น้อย
สายๆ  จึงมีคนมาแสดงตนเป็นเจ้าของ ว่าตนไปเที่ยวพม่ามา เห็นสินค้าแปลกดีจึงนำมาฝากน้อง ๆ
ไม่ได้สอบถามสนนราคา แต่พี่ ๆ ที่มีประสบการณ์กระซิบว่า ที่ลาวขายในราคากระปุกละ 8 บาท แต่ที่พม่าไม่ทราบ
เปิดฝาดูข้างใน... มีสมุนไพรคล้าย ๆ ลูกผักชี
และมีอยู่นิดเดียว ติดก้นกระปุก  ทำให้ Halfmoon คิดว่า พิลึกข้างนอกยังไม่พอ ยังพิลึกข้างในซะด้วย
.............................................
ได้เวลาพิสูจน์กลิ่นยาดมพม่า..
โอ้ววววววว  หอมเย็นชื่นใจจริง ๆ
กลิ่นเย็น ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นของสมุนไพร สูดดมแล้วให้ความสดชื่อนโล่งจมูกดีแท้
ใครเป็นลม นำยาดมพม่านี้ ให้ดม รับรองฟื้นแน่ ๆ
มิน่า...ในกระปุกจึงบรรจุตัวยาไว้นิดเดียว (แต่กระปุกเบ้อเริ่มเลย)
ยืนสูดอยู่หลยครั้ง แล้วก็นึกขึ้นมาได้  ว่ายาดมนี้ ไม่มีมาตรฐานอะไรรับรองความปลอดภัยเลย
สูดเข้าไปมาก ๆ จะเป็นอันตรายไหม ตายแล้วๆ ๆ ๆ
ว่าแล้ว ก็ Search หาข้อมูลโดยด่วน
แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรมากมาย แค่ว่ายาดมพม่าขวดนี้มีส่วนผสมคือ กานพลู การบูน น้ำมันหอมระเหย
และเป็นสินค้าที่แพร่หลายเข้ามาในไทยนานมากแล้ว (น่าน..เชยจริง ๆ Halfmoon)
มีจำหน่ายตามร้านขายสินค้าพื้นเมือง และร้านค้าทั่วไป ตลาดจตุจักรของเราก็น่าจะมีนะ
ราคาแต่ละแห่งหลากหลายมาก ตั้งแต่ 8-40 บาท (ไม่แน่ใจว่าขนาดกระปุกเท่ากันมั้ย)
ตอนนี้..ยามว่าง ยามงาน ยามคุย  ยามประชุม แต่ละคนก็หยิบขึ้นมาดม ๆ ๆ แล้วก็สูดดม
ดมกันเข้าไป ส่งต่อกันบ้าง แบ่งปันกันบ้าง มีติดมือไว้เกือบทุกคน
Halfmoon จึงอยากจะฝากไว้ว่า
ใครมีผลวิจัย หรือข้อมูล ว่า ยาดมพม่านี้ปลอดภัย หรือ อันตรายอย่างไร กระซิบด้วยนะคะ
เพราะชักจะติดงอมแงมไปกันใหญ่แล้ว  อิอิ

วิธีทำยาดมพม่า

ยาดมสมุนไพรสูตรพม่า PDF Print E-mail
Written by คุณอุไร เชื้อเย็น   
Tuesday, 02 November 2010 09:08
ยาดมสมุนไพรสูตรพม่า   โดย คุณอุไร เชื้อเย็น
สรรพคุณ :        บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก คลายเครียด เก็บไว้ในห้องนอน หรือเก็บไว้ในรถยนต์
ส่วนผสม :   1. จันทน์เทศ   1 ส่วน
                    2.  กานพลู       1 ส่วน
                    3.  โป๊ยกั๊ก        1 ส่วน
                    4.  พริกไทยดำ     1 ส่วน
                    5. เมนทอล+พิมเสน+การบูร อย่างละ 1 ส่วน
วิธีทำ : นำสมุนไพร จันทน์เทศ  กานพลู โป๊ยกั๊ก พริกไทยดำ บดให้แตกเล็กน้อยอย่างละ 1 ส่วนมาผสมรวมกัน
ในขวด เติม เมนทอล+พิมเสน+การบูร ที่ผสมไว้แล้ว ผสมพอให้สมุนไพรทั้งหมดเปียก  ปิดฝาขวดไว้  อย่าใส่
สมุนไพรจนเต็มขวด  จะทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น  ถ้าสมุนไพรแห้ง สามารถเติมเมนทอล+พิมเสน+การบูรที่ผสมไว้แล้วได้
  IMG_1597.jpg   IMG_1604.jpg   IMG_1606.jpg herb_smell.jpg  

เคยดมไหมยาดมพม่า

ยาดมพม่าส่วนผสมจะเป็นสมุนไพรที่มีนำมันหอมระเหย มีสรรพคุณในเรื่องบำรุงหัวใจ เช่น ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู พริกไทย โปยกั๊ก อบเชย สมุลแว้ง เนื้อไม้ เทียน โกฐ ต่าง ๆ อัตราส่วนแล้วแต่จะผสมแล้วลองดมดู แต่งกลิ่นตามใจชอบนะจะจะบอกให้
เมื่อรู้สึกวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม สิ่งแรกที่หลายคน ๆ นึกถึงน่าจะเป็นยาดมใช่ไหมคะ เพราะเป็นที่รู้กันมานานนมแล้วว่า เมื่อเรารู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือเมื่อมีคนเป็นลมนั้น ให้เอายาดมมาให้ดม แล้วจะรู้สึกดีขึ้น


ทำให้ยาดมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีขายตามร้านทั่ว ๆ ไป แต่ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการวางจำหน่าย ยาดมพม่า กันอย่างแพร่หลาย หลาย ๆ คนเองก็ติดใจในกลิ่นของยาดมพม่านี้ จนต้องซื้อหาติดบ้านติดตัวไว้ไม่ได้ขาด

ยาดมพม่านั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ยาหอมอะปาทะ" ในขณะที่บางคนก็เรียกว่า "ยาปอดลุก" หรือ "ยาดมบุเรงนอง" ประกอบด้วยสมุนไพรหลัก ๆ สามชนิดด้วยกันนั่นคือ กานพลู ลูกจันทร์ และพริกไทย ซึ่งสมุนไพรหลัก ๆ ทั้งสามชนิดนี้มีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนโบราณที่ใช้รักษาจนมาจนเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน

ส่วนหนึ่งด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกคือ 15 - 20 บาทเท่านั้นทำให้เจ้ายาดมพม่าตัวนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลาย ๆ คนต่างก็พกเอาไว้เพื่อความอุ่นใน ไร้อาการเมาต่าง ๆ จากการเดินทางทั้งนั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องระวังเอาไว้ด้วยนะคะ เพราะยาดมที่ประกอบด้วยสารของเมนทอล การบูร ซึ่ง เมื่อสูดดมเข้าไปมาก ๆ อาจจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบได้ ซึ่งอาการของคนที่มีเยื่อบุจมูกอักเสบจะมีอาการบวมของโพรงจมูก ทำให้จมูกคัดหรือตีบและมีน้ำมูกไหล


เพราะฉะนั้นก็ดมแต่พอดี ๆ เมื่อมีอาการไม่สู้ดี อย่างเช่นรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายเป็นลมก็พอนะคะ เวลาปกติก็ไม่ควรดมให้มากนะคะ

ก่อนหน้านี้ "ยาดมพม่า" กระปุกเท่ามือเคยฮิตติดบ้านติดเมืองกันมาหนนึงแล้ว ด้วยกลิ่นเตะจมูกของการบูร เม็ดพริกไทยดำ หัวดอกไม้และสมุนไพรอื่นๆ ที่ไม่มีในเมืองไทย ทำให้ดมแล้วรู้สึกโล่งจมูก สดชื่นตื่นจากอาการวิงเวียนและเฉื่อยชา ซึ่งมันมีชื่อเรียกหลายอย่าง ภาษาถิ่นเรียก "ยาปอดลุก" บ้างก็เรียกว่า "ยาดมบุเรงนอง" ในขณะที่หลายคนรู้จักในชื่อยาหอมพม่า "อะปาทะ" ถือเป็นสินค้า (ชายแดน) นำเข้าที่ได้รับความนิยมสุดๆ ในช่วงหนึ่ง เพราะมีการพูดถึงปากต่อปากถึงสรรพคุณ อีกทั้งราคาก็ไม่แพง (15-25 บาท) ตอนหลังพอมีข่าวเตือนเรื่องยาดมปลอมที่ใช้สมุนไพรขึ้นรา ความฮิตถึงได้ลดระดับลง

ยาดมพม่า

ยาดมพม่า หรือยาหอม อะปาทะ หรือบ้างเรียก ยาปอดลุก ตามสูตรดั้ง เดิมของพม่าปรุงจากสมุนไพร 3 ชนิด คือ กานพลู ดอกจันทน์ พริกไทย สรรพคุณแต่ละอย่างมีดังนี้

1. กานพลู ส่วนที่ใช้เป็นยาคือดอกตูม ใช้ทั้งส่วนที่เป็นดอกตูมแห้ง กับส่วนที่เป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นดอกตูมนั้น โดยที่ดอกตูมของกานพลูใช้เป็นยามาแต่โบราณ ทั้งหมอจีน หมออินเดีย ใช้เป็นยาช่วยย่อย แก้ท้องเสีย แก้ไส้เลื่อน แก้กลากเกลื้อน ฮ่องกงฟุต และในโรคระบบทางเดินหายใจ

ต่อมากานพลูแพร่เข้าไปในยุโรป เป็นส่วนประกอบยารักษาโรคเกาต์ของหมอชาวเยอรมัน ซึ่งขณะนั้นดอกกานพลูเป็นของมีค่าและหายากยิ่ง ความต้องการดอกกานพลูและเครื่องเทศอื่นๆ ของเอเชียกระตุ้นให้เกิดยุคแห่งการสำรวจและค้นหาดินแดนนอกทวีปยุโรป จวบจน ค.ศ.1512 นักสำรวจชาวสเปนนำกานพลูกลับบ้านและที่สุดก็แพร่หลาย ใช้กันทั่วในยุโรป เป็นยาช่วยย่อย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ท้องเสีย แก้ไอ แก้หูด แก้ปวดฟัน และอีกสารพัดตามแต่เชื่อกันไป

ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 19 กานพลูแพร่เข้าไปในอเมริกา ประกอบยาช่วยย่อยอาหาร และผสมลงไปในยารสขมเพื่อช่วยกลบรส ทั้งมีการพัฒนาโดยกลั่นน้ำมันจากกานพลู หรือ clove oil รักษาโรคเหงือกและแก้ปวดฟัน โดยมีฤทธิ์เป็นยาชา

2. ดอกจันทน์และลูกจันทน์ เป็นเครื่องยาและเครื่องเทศที่รู้จักกันทั่วโลก ลูกจันทน์ได้จากเมล็ดของผลจันทน์เทศ ส่วนดอกจันทน์ได้จากเยื่อรกสีแดงที่หุ้มเมล็ดของผลจันทน์เทศ ดอกจันทน์มีองค์ประกอบเป็นน้ำมันระเหยง่าย ราวร้อยละ 7-14 น้ำมันนี้มีองค์ประกอบหลักเป็นสารไมริสติซิน (myristicin) สารนี้ในขนาดสูงๆ อาจทำให้เกิดอาการเคลิ้มฝัน เลื่อนลอย ถ้ากินในปริมาณมากขึ้นก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเมา หัวใจเต้นเร็ว ผิวหนังแดง กระหายน้ำ กระวนกระวายใจ ปวดท้อง วิงเวียน เห็นภาพซ้อน เพ้อคลั่ง ซึ่งอาการพิษต่างๆ นี้ จะกลับเป็นปกติใน 24 ชั่วโมง

ตำรายาว่าดอกจันทน์มีกลิ่นหอม รสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงผิวเนื้อให้เจริญ บำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ ขับลม แก้ปวดมดลูก และใช้เป็นเครื่องปรุงแต่งอาหารคาวหวานหลายชนิด

3. พริกไทย เป็นเครื่องเทศที่ใช้กันแพร่หลายมาเป็นเวลานาน เมื่อนำพริกไทยมากลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันหอมระเหย เรียกว่าน้ำมันพริกไทย ในปริมาณร้อยละ 2-4 นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาโอลิโอเรซินพริกไทย โดยนำพริกไทยมาสกัดด้วยตัวทำละลาย พบว่า โอลิโอเรซินประกอบด้วยสารจำพวกอัลคาลอยด์ ที่สำคัญคือ piperine (ร้อยละ 5-9), piperidine, piperanine ฯลฯ ซึ่ง piperine และ piperanine นี้เองเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นฉุนและรสเผ็ด สรรพคุณตามตำรับยาไทยคือใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ บำรุงธาตุเจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ และกระตุ้นประสาท ทั้งมีรายงานว่า piperine ใช้แก้ลมบ้าหมูได้

เกี่ยวกับโทษของยาดม นาวาโทบริพนธ์ สุวชิรัตน์ กรมแพทย์ทหารเรือ อธิบายว่า ยาดมประกอบด้วยสารของเมนทอล การบูร ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าไปแล้วจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกยุบตัวลง ทำให้รู้สึกหายใจโล่งสบาย การที่สูดดมเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบได้ โดยเยื่อบุจมูกก็คือส่วนที่อยู่ด้านในของจมูก หรือที่เรียกว่าโพรงจมูก คนที่มีเยื่อบุจมูกอักเสบจะมีอาการบวมของโพรงจมูก ทำให้จมูกคัดหรือตีบและมีน้ำมูกไหล
ยาดมพม่าส่วนผสมจะเป็นสมุนไพรที่มีนำมันหอมระเหย มีสรรพคุณในเรื่องบำรุงหัวใจ เช่น ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู พริกไทย โปยกั๊ก อบเชย สมุลแว้ง เนื้อไม้ เทียน โกฐ ต่าง ๆ อัตราส่วนแล้วแต่จะผสมแล้วลองดมดู แต่งกลิ่นตามใจชอบนะจะจะบอกให้