วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

โทษมหัน

ทีนี้มาศึกษาทัณฑ์ทรมานจากกามารมณ์กันดูอีกสักข้อหนึ่ง ในกามารมณ์หรือเมถุนธรรม เป็นสนตะพายสายหนึ่ง ที่จูงดึงผู้คนไปเสพรับทัณฑ์ทรมานจากการครองรัก ครองเรือน และโดยลำพังเมถุนธรรม ก็สามารถบันดาลโทษภัยแก่ผู้ครองรัก ครองเรือน หรือแม้ผู้เห็นความร้ายกาจในรัก ในเรือนแล้วได้เช่นกัน หากผู้นั้นมีใจให้เมถุนธรรม คำว่าเมถุนธรรมไม่ใช่เพียงสงครามดวลสะโพกของคู่กามเท่านั้น หากหมายถึงทั้งหมดของบทบาทการบำบัดกามจริต แต่ตรงนี้ขออนุญาตคลี่คลายเพียงสังเขป เชิญเสพรสชาติการหยั่งรู้ ดูความลุ่มลึกให้แจ้งชัดโดยตน
                      พระบรมครูผู้รู้แจ้ง ทรงแสดงปรีชาวาทะไว้ว่า บุคคลผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งๆขึ้น จากครั้งแรก เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ เป็นInfinity จากคนนั้น สู่คนโน้น สู่คนนี้ หาขอบเขตความอิ่มเต็มมิได้ ไม่หายหิว เหมือนสุนัขขบกลืนแท่งกระดูกติดคราบมัน จะอิ่มท้องก็หาไม่ ฉะนั้น... อุปมานี้เป็นสำนวนมีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กามารมณ์…เหมือนหมาแทะกระดูก…ไม่อิ่ม เหมือนบริโภคน้ำลายของตัวเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า กามารมณ์ เป็นเรื่องสนองอุปาทานของตัวเอง ถ้าจิตตัวเองไม่แปรปรวน ป่วนปั่น หรือไม่ปรุงไป ต่อให้ถูกไล้ถูกเลื้อยขนาดไหน ก็ไม่ได้เสวยสวรรค์ ดีไม่ดีจะถีบกระเด็นด้วยซ้ำ...รำคาญ ไปซะไกลๆ แต่ถ้าจิตของเราปรุงไปโลดโผนโจนทะยาน แม้อยู่คนเดียวก็เสวยสวรรค์ได้ ฉะนั้นที่รู้สึกอิ่มเต็ม ไม่ใช่เพราะใครมาเติม..ไม่ใช่ แต่เขาเป็นผัสสะหนึ่งซึ่งทำให้เราปรุงปั้นอุปาทานให้โลดโผนโจนทะยานยิ่งขึ้น ทั้งเป็นเรื่องเสียเวลางาน เสียเวลาพักผ่อนหลับนอน ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม กำลังกายถดถอย กำลังปัญญาก็ทุรพล ที่เคยเปรื่องโปร่งแจ่มใส กลับแปรปรวนเป็นอื่นไป โดยเฉพาะช่วงไคลแม๊กซ์ที่ซ่านวาบซาบหวิวแห่งกามารมณ์ ภาวะนั้นสันดาปลึกสุด อันตรายที่สุด เคยมีคนตายในขณะนั้นก็มีมาแล้ว เพราะทั้งแผดเผาทั้งเกร็งเคี่ยวเสียวเสียดถึงขั้วหัวใจ ประสาทรับรสสะท้านไหว ซึ่งหากสุขภาพและการโคจรของเลือดลมไม่เข้มแข็งดีพอ ก็หัวใจวายตายปัจจุบันได้ แม้สุขภาพและการโคจรของเลือดลมดีอยู่ กระนั้นสันตติของธาตุรู้ก็ขาดสะบั้นลง(ความสืบต่อของธาตุรู้) การกำหนดจดจำเสื่อมชำรุด ขาดความแม่นยำ หากต้องเป็นเช่นนี้มากไป จะกลับกลายเป็นคนบ้าได้ง่าย(บ้ากามนั้นแน่อยู่แล้ว) ทั้งเป็นธรรมดาของผู้ข้องติดในเกมส์ดวลกันดังกล่าวนั้น ใจมักผ่าวคำนึงถึงอ้อมขา อยากจะหาแต่คู่ต่อสู้มารู้คำรู้แดงกันอยู่ร่ำไป เยี่ยงนี้ปัญญาไม่ทุรพลกระไรได้ นี่เป็นโทษภัยของกามหรือไม่
ถ้าเราไตร่ตรองถึงความสืบต่อทางจิตวิญญาณจะเห็นได้ว่า มันเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น คนที่ยินดีในกาม หมกมุ่นมัวเมาจนกระทั่งลืมตัวลืมตาย โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ยาก เพราะธรรมดาความอยาก ไม่ต้องการการรอคอย เมื่อเสียชีวิตจากภพนี้แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไปเกิดเป็นเดรัจฉานเล็กๆน้อยๆ เกิดมาเพื่อเสพกาม เสพแล้วก็ตาย เสพแล้วก็ตาย โดยจริงถ้าใครหลงใหลในเรื่องของกามารมณ์มากๆ จะเกิดเป็นอะไรมากที่สุด…พอจะรู้ไหม จากตรรกะบอกว่า คนที่หมกมุ่นในเมถุนธรรมจะเกิดเป็นอสุจิ ได้ชิดใกล้เมถุนธรรม แบบอยู่ในที่นั้นเลย เราพึงพอใจในเรื่องนั้นมาก แล้วเราก็ได้มีสิทธิ์ชิดใกล้ ลึกซึ้งในสิ่งนั้นมาก เหมือนคนรักกัน เราอยากจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว จริงไหม? ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงให้เขากับเรารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น