วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธผสมน้ำหอม

สำนักที่ 2 worldchemical
HOW TO MAKE YOUR OWN PERFUME วิธีการผสมน้ำหอมที่มีคุณภาพ

 


 

HOW TO MAKE YOUR OWN PERFUME วิธีการผสมน้ำหอมที่มีคุณภาพ

 การผสมน้ำหอมนั้นทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งก็เหมือนการผสมเครื่องดื่มทานนะครับ ซึ่งท่านสามารถจะ
 เจือจางหรือผสมให้เข้มข้นได้แล้วแต่ใจชอบนะครับ

 ซึ่งเราจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ให้พร้อมก่อนนะครับ

 1. หัวเชื้อน้ำหอม ส่วนมากจะลักษณะเป็นน้ำมันนะครับ ข้นนิดๆซึ่งต้องแน่ใจว่าเป็นหัวเชื้อ เพราะบางทีได้ทำการเจือจางหัวเชื้อแล้ว ซึ่งจะทำให้กลิ่นอ่อนและลักษณะคล้ายน้ำไม่ข้นเท่าไรนะครับ หัวเชื้อน้ำหอมเวลาเราเอามาขยี้กับนิ้วจะรู้สึกมันและอุ่นๆนะครับ ถ้าเอาขยี้แล้วเย็นก็หมายถึงถูกผสมมาเรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับฮงฮวดเองจะมีขายแต่หัวเชื้อดังนั้น ท่านเลยแน่ใจได้ว่าจะได้หัวเชื้อน้ำหอมคุณภาพไปใช้นะครับ

 2. แอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันเรามีตัว Denatured Alcohol ซึ่งมีคุณสมบัติในการระเหยได้ดีกว่าตัว 958 เพราะ
 มี Alcohol ถึง 99% ในขณะที่ 958 มีแค่ 95% ดังนั้นเมื่อมีแอลกอฮอล์มากขึ้นทำให้การระเหยของกลิ่นดีขึ้นนะครับ

 3. MUSK 10% หรือ 165 ซึ่งเป็นตัวเร่งกลิ่นและทำให้กลิ่นติดทนนานมากขึ้น ซึ่งจะมีสองแบบ ก็คือแบหัวเชื้อกับแบบเจือจางนะครับ MUSK 165 จะเป็นหัวเชื้อส่วน MUSK 10% จะเป็นแบบเจือจางนะครับ

 4. Propylene Glycol ซึ่งเป็นตัวที่สามารถทำละลายในน้ำและน้ำมันได้ ตัว PG จะช่วยในการดับกลิ่นน้ำหอมได้ดียิ่งขึ้นและแถมมีตัวที่ทำให้ผิวชุ่มชื่นอยู่ ในตัว PG จริงๆแล้วตัววัตถุดิบในเครื่องสำอางค์

 5.น้ำกลั่น จะช่วยในการดับกลิ่นแอลกอฮอล์ 
 วิธีการผสม 
 - นำ Denatured Alcohol มาผสมกับ Musk ก่อนนะครับ โดยนำ alcohol 1 ปอนด์ผสม Musk 1 ออนซ์และ เขย่าให้เข้ากันพักทิ้งไว้นะครับ

 - นำหัวน้ำหอมมาผสมกับ alcohol ที่ผสมพักไว้ โดยใช้อัตราส่วนดังนี้ หัวเชื้อน้ำหอม 1 ออนซ์ ต่อ alcohol 3 ออนซ์ (ถ้าจะให้เจือจางมากยิ่งขึ้นก็ให้ใส่ alcohol เพิ่มมากขึ้น)

 - ผสมและเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นให้เติม Propylene Glycol ไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ห้ามเติม PG มากเกินไปเพราะ ไม่งั้นตัว PG อาจจะแยกตัวจากน้ำหอมได้นะครับ

 - เติมน้ำเข้าไปอีก 7 cc. แล้วเขย่าให้เข้ากัน

 - เมื่อผสมเสร็จก็พักน้ำหอมทิ้งไว้สักพักก่อนนำมาใช้ 
 TIP ในการผสมน้ำหอม

 - เมื่อผสมเสร็จควรจะแช่น้ำหอมไว้ในตู้เย็นเพื่อที่จะเร่งการกระจายและการเข้ากันของน้ำหอมได้ดี และ เร็วยิ่งขึ้น

 - ควรแน่ใจว่าน้ำหอมที่นำมาผสมเป็นหัวน้ำหอมจริงๆไม่มีการเจือจาง โดยการใช้วิธีขยี้น้ำหอมกับนิ้วพิสูจน์ โดยถ้าขยี้แล้วมันหรืออุ่นก็สันนิฐานว่าเป็นหัวเชื้อไว้ก่อน แต่ถ้าขยี้แล้วเย็นไม่มันก็แปลว่าเป็นหัวน้ำหอม เจือจางนะครับ

 - หัวน้ำหอมส่วนมากจะเป็น OS หรือ Oil Sulable ซึ่งหมายความว่าละลายในน้ำมันได้ดี ซึ่งสามารถนำมา ผสมเข้ากับเครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินผิวอื่นๆเช่น แขมพู, ครีมทาผิว, สบู่เหลว, และอื่นๆ

 - ถ้าผสมเสร็จแล้วน้ำหอมที่ได้เกิดสีเข้มไป ซึ่งก็เป็นไปได้สำหรับหัวเชื้อบางชนิด ก็มีวิธีแก้ไขโดยการใส่ TALCUM POWDER ซึ่งรอให้แป้งตกตระกอนแล้วเอากระดาษกรองมากรองเอาน้ำหอมที่เหลือ ซึ่งน้ำอมที่ได้ก็จะมีสีที่จางลง

 - ถ้าน้ำหอมที่ผสมออกมาขุ่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าผสมน้ำมากเกินไป ก็ให้ทำการใส่ alcohol เพิ่มก็จะทำให้ใส่ เหมือนเดิม 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำนักที่
หัวน้ำหอมแท้ๆ พิสูจน์ได้
ด้วยการนำมาจับๆ ทาๆ ดูมันจะร้อนค่ะ
แต่ถ้าผสมแล้วกับแอลกอฮอล์จะเย็นๆ ค่ะ


สุตรการผสมน้ำหอม ไม่มีตายตัวค่ะ
ลูกค้าสามารถปรับสูตรได้เอง

ซึ่งทั่วไปในท้องตลาดจะมี 2 สูตร

1. สุตรทั่วไป
ทนนาน 4-5 ชั่วโมง

2. สุตรเข้ม
 ทนนาน 8 ชั่วโมง


อุปกรณ์และส่วนผสม

1. อัลกอฮอล์ ผสมมัสต์แล้วจะประหยัดและสะดวกกว่า
2. หัวน้ำหอม
3. ขวดแก้ว สำหรับใส่น้ำหอมที่ผสมแล้ว
4. สลิงค์พลาสติก



ขึ้นอยุ่กับผู้ผสมอยากให้น้ำหอมที่ผสมแล้ว ทนนานหรือทนไม่นานค่ะ

เช่น บางร้าน ถ้าทนไม่นาน ตามข้อ 1 ก็ใส่หัวน้ำหอมแค่ 12%
ถ้าเอาทน ตามข้อ 2  ก็ใส่แค่ 15 %
- น้ำหอมจะหอมดี หอมนาน หอมทน อยู่ที่ส่วนผสมด้วยค่ะ ถ้าหัวน้ำหอมมีคุณภาพ
แต่แอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมไม่มีคุณภาพ น้ำหอมก็คุณภาพไม่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น